<< Review Vana Nava Hua Hin >>
อากาศร้อนๆ แบบนี้ มาเที่ยวหัวหินทั้งที นอกจากลงเล่นน้ำทะเลเพื่อคลายร้อนแล้ว สวนน้ำก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจมากๆ เพราะว่านอกจากจะได้เล่นน้ำเย็นๆ คลายร้อนแล้ว ที่สวนน้ำยังจะมีเครื่องเล่นสนุก หวาดเสียวๆ ให้ได้ท้าทายความกล้ากันอีกด้วย
ทริปเที่ยวหัวหินรอบนี้ของพวกเราจึงขอพามาเที่ยวสวนน้ำ วานา นาวา ซึ่งเป็นสวนน้ำที่มีความทันสมัยมากที่สุดในประเทศไทย (ในปัจจุบัน 2015) พูดแบบนี้กันเลยเชียวหรือ? ใช่ครับ พูดกันได้แบบเต็มปากไปเลยครับ ว่าที่นี่เค้าสุดจริงๆ ในหลายๆ เรื่อง เดี๋ยวมาติดตามดูกันดีกว่าครับว่า ทำไมพวกเราถึงกล้าออกปากกันแบบไม่กลัวโดน
ค่อยๆ ตามเที่ยวกันไปละกันนะครับ
มาทำความรู้จักสวนน้ำ วานา นาวา กันซักหน่อยละกันนะครับ จะได้วางแผนเที่ยวกันได้ง่ายมากขึ้น
ภายในบริเวณสวนน้ำ วานา นาวา จะแบ่งเป็น 2 โซน หลักๆ
โซน 1 : Adventure Zone
โซน 2 : Water Zone
มาดูกันครับว่าทั้ง 2 โซนนี้ต่างกันยังไง
Adventure Zone หรือ โซนผจญภัย อยู่ตรงบริเวณทางเข้าด้านหน้า เป็นโซนที่สามารถเข้ามาเที่ยวชมกันได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู (เหมาะสำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่ม แต่บางคนไม่อยากเข้าไปเล่นน้ำ ก็สามารถหาอะไรทำ หรือหาของกินได้ในบริเวณโซนนี้) โดยที่บริเวณโซนนี้จะมีเครื่องเล่นให้นักท่องเที่ยวได้เล่นกัน 3 อย่างคือ
1. Rope Course ไต่เชือก
2. Climbing Wall ปีนหน้าผา
3. Surf Zone โต้คลื่น
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะเข้ามานั่งเล่นเฉยๆ หรือ จะเลือกเล่นเครื่องเล่นต่างๆ ภายในโซนนี้ก็ได้ โดยเสียค่าเล่นเป็นอย่างๆ ดังนี้ Rope Course ครึ่งชั่วโมง 150 บาท , Climbing Wall ครึ่งชั่วโมง 150 บาท , Surf Zone 1 ชั่วโมง 400 บาท หรือ จะเลือกเล่น Rope Course รวมกับ Climbing Wall ก็เสียค่าใช้จ่ายรวมแค่ 250 บาท เท่านั้น
บริเวณ Adventure Zone จะมี ร้านกาแฟ Amazon สำหรับนั่งจิบกาแฟรอ หากไม่ต้องการเล่นเครื่องเล่น หรือ ไม่ต้องการเข้าไปในบริเวณโซนสวนน้ำ
ร้านขายอุปกรณ์เสื้อผ้า ชุดว่ายน้ำ ข้างๆ Surf Zone
แต่ถ้าใครไม่ต้องการเล่นเครื่องเล่น บริเวณนี้จะมีร้านอาหารให้นั่งทานอาหาร
ซึ่งอาหารก็จะเป็นพวกอาหารจานเดียว อาหารตามสั่ง สปาเก๊ตตี้
โอเค สำหรับคนที่ไม่เข้าไปเล่นสวนน้ำ ก็อยู่ Adventure Zone ไปละกันนะครับ
ส่วนคนที่จะเข้าไปสวนน้ำ ก็ตามมาทั้งนี้เลยครับ
Water Zone หรือ โซนสวนน้ำ จะเป็นโซนที่ต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปเล่นเครื่องเล่นภายในสวนน้ำด้านใน โดยค่าตั๋วจะแบ่งเป็น 4 ประเภทดังนี้
1. ผู้ใหญ่ ราคา 1,000 บาท
2. เด็กความสูงต่ำกว่า 122 ซม ราคา 600 บาท
3. ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป ราคา 600 บาท
4. เด็กต่ำกว่า 91 ซม. ไม่เสียค่าใช้จ่าย
สำหรับนักเรียนจะได้รับส่วนลด 20% รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นหมู่คณะมากกว่า 20 คนขึ้นไปก็มีส่วนลดให้ด้วยเช่นกัน
หลังจากซื้อตั๋วแล้วเราจะได้สายคาดข้อมูล หรือ เรียกว่า Wristband โดยที่สาย Wristband นี้ จะช่วยให้เราเข้าไปเที่ยวในส่วนของสวนน้ำได้สะดวกมากๆ เลยล่ะครับ เพราะว่าเราสามารถใช้สาย Wristband นี้แทนกระเป๋าสตางค์ได้ เวลาต้องการซื้ออะไรทานภายในสวนน้ำ ก็ไม่ต้องพกกระเป๋าตังค์เข้าไป เราแค่เติมเงินใส่ใน Wristband เอาไว้ หากต้องการซื้อหรือต้องการจ่ายค่าอะไร ก็แค่ใช้สาย Wristband สแกนที่เครื่อง เท่านี้ก็พอละครับ ถ้าหากเงินในสาย Wristband เกิดหมดหรือไม่พอที่จะใช้ซื้อโน่นนี้อีก เราก็สามารถไปเติมเงินได้ตามจุดเติมเงิน ถ้าจะเอาง่ายๆ ชัดๆ ก็ตรง Fisherman Cafe ซึ่งเป็นร้านขายอาหารประเภทอาหารตามสั่งแบบง่ายๆ
คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wristband : ในแต่ละครั้งที่เติมเงิน พยายามอย่าเติมไว้มากจนเกินไปนะครับ เพราะว่าถ้าเกิดสาย Wristband เกิดหลุดหายไป ทาง สวนน้ำ วานา นาวา เค้าแจ้งไว้เลยครับว่าเค้าไม่รับผิดชอบในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นพยายามคำนวณดูครับว่าต้องใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอะไรบางอย่าง
คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wristband : ในแต่ละครั้งที่เติมเงิน พยายามอย่าเติมไว้มากจนเกินไปนะครับ เพราะว่าถ้าเกิดสาย Wristband เกิดหลุดหายไป ทาง สวนน้ำ วานา นาวา เค้าแจ้งไว้เลยครับว่าเค้าไม่รับผิดชอบในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นพยายามคำนวณดูครับว่าต้องใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอะไรบางอย่าง
บริเวณทางเข้าก็เอา Wrist Band แตะที่เครื่อง
ระบบที่นี่ทันสมัยมากๆ ใช้เป็น RFID ทั้งหมด
ไม่ต้องมีคนมายืนฉีกตั๋ว แต่ที่สำคัญต้องรักษาเจ้า Wrist Band นี้ให้ดีๆ เลยนะครับ
พอเข้ามาด้านในแล้วก็มาศึกษาแผนผังเครื่องเล่นกันก่อนก็ดีครับ เพราะว่าจะได้เล่นเครื่องเล่นกันได้ครบถ้วน แต่ผมแนะนำว่า ให้เริ่มจากเครื่องเล่นทางขวาก่อนดีกว่าครับ เพราะว่าตัวไฮไลท์ 2 อัน จะอยู่ทางซ้ายมือสุด เก็บไว้เล่นสุดท้ายเลยละกันครับ (ถ้ามีเวลานะครับ แต่ถ้ามาเย็นมากๆ คิดว่าไม่น่าจะทันก็เริ่มทางซ้าย เก็บ 2 เครื่องเล่นนี้ก่อนเลยครับ)
ภายในโซนสวนน้ำจะมีเครื่องเล่นต่างๆ มากมายรวมๆ แล้วประมาณ 10 กว่าชนิด เดี๋ยวค่อยๆ ตามดูกันไปเรื่อยๆ ละกันนะครับว่ามีอะไรบ้าง
พวกเราขอเริ่มจากทางขวามือละกันนะครับ
อ้อ.. แต่แนะนำว่าชุดที่ใส่เล่นเครื่องเล่นพวกนี้ควรเป็นชุดที่เหมาะสมด้วยนะครับ
ไม่ควรใส่เสื้อยืดเล่น เพราะว่าเสื้อยืดจะม้วนขึ้นระหว่างสไลด์ลงมา
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ที่นี่เค้าจะมี Life Guard ดูแลเยอะมาก
และพวกเครื่องเล่นพวกนี้ ทุกเย็นหลังจากสวนน้ำปิดให้บริการ พี่ๆ Life Guard เค้าจะทดสอบเครื่องเล่นกันทั้งหมดอีกครั้ง
เครื่องเล่นตัวแรก Free Fall
เครื่องเล่นนี้พาคุณขึ้นไปที่ความสูง 18 เมตร และ ลื่นลงมาด้วยความเร็วสูงสุดที่ 50 กม / ชม.
ส่วนเครื่องเล่นถัดๆ ไป บริเวณนี้จะเกาะกันเป็นกลุ่ม
ก็แล้วแต่จะเลือกเล่นกันเลยครับ
สีน้ำเงินนี้เรียกว่า Aqua Loop เครื่องเล่นนี้เป็นเครื่องเล่นเดียวในประเทศไทยที่จะพาคุณสไลด์ขึ้นเนิน
ดูจากภาพบนจะเห็นว่าท่อสไลด์จะพุ่งขึ้น ผู้เล่นจะสไลด์มาจากต้นทาง และ ถูกแรงดันน้ำส่งให้ตัวพุ่งขึ้นไปยังที่สูง เข้าโค้งและไหลลงสู่ปลายทาง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น น้ำหนักตัวขอผู้เล่นก็ควรมีน้ำหนักอย่างน้อย 45 กก ขึ้น ไม่อย่างนั้นแรงดันน้ำจะไม่สามารถส่งให้คุณขึ้นไปถึงช่วงบนสุดได้ จะทำให้ไหลย้อนกลับลงไปด้านล่าง
ดูจากมุมนี้จะเห็นเครื่องเล่น Aqua Loop ซึ่งคุณจะถูกแรงดันน้ำดันจากมุมล่างขวา ขึ้นไปด้านบน และ ลงไปทางซ้ายมือ
มองลึกเข้าไปอีกนิดจะเห็นเครื่องเล่นสีส้ม อันนั้นเรียกว่า Inner Tube อันนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเลยครับ เพราะว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เป็นสไลด์เดอร์ทั่วไปเล่นกันได้ทั้งครอบครัว
กลุ่มสไลเดอร์ตรงบริเวณนี้ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก อาทิ Master Blaster, Rattler , Super Bowl
เดินผ่านกลุ่มเครื่องเล่นสไลเดอร์เข้ามาจะเจอกับ โซนสวนน้ำสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นสระตื้นๆ เด็กเล็กๆ สามารถลงเล่นได้ และ ที่เป็นไฮไลด์อีกอย่างของที่นี่ก็คือ น้ำตกจำลองขนาดความสูง 31 เมตร ดูจากข้อมูลเค้าบอกว่าที่นี่คือน้ำตกที่ถูกสร้างด้วยคนที่สูงที่สุดในเอเชีย เรียกว่า Vana Nava Falls ด้านล่างจะทำเป็นถ้ำให้บรรยากาศแปลกๆ ไปอีกแบบ
บรรยากาศโซนสวนน้ำสำหรับคุณหนูๆ
ตรงนี้อยู่ติดกันครับ จะเป็นโซนสวนน้ำสำหรับเด็กเหมือนกันเรียกว่า Rain Fortress บริเวณนี้จะมีสไลเดอร์ให้เด็กๆ เล่น ประมาณ 7 อัน นอกจากนั้นด้านบนจะมีถังน้ำขนาด 2,000 ลิตร เทลงมา ทุกๆ 4-5 นาที ซึ่งน้ำจะถูกเทลงมาแรงมาก เด็กเล็กๆ ต้องระวัง เพราะว่าอาจได้รับบาดเจ็บได้
เดินผ่านโซนสวนน้ำสำหรับเด็กๆ จะเจอกับเครื่องเล่น Aqua Course
เครื่องเล่นนี้ก็สนุกดีนะครับ คนที่เข้าไปเล่น กับคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ก็สามารถแกล้งยิงน้ำใส่กันได้
สังเกตุทางซ้ายมือ จะมีคนที่ยืนอยู่ด้านนอก ยิงน้ำเข้ามาใส่คนที่เล่นอยู่ข้างใน ส่วนคนข้างในก็มีปืนยิงใส่คนที่อยู่ข้างนอก
ส่วนคนดูบางคนก็แอบแกล้งผู้เล่นคนอื่นๆ ได้แบบเนียนๆ โดยการเอานิ้วไปแตะที่แท่นตัวนี้ แล้วจะมีน้ำเทลงมาใส่ คนที่กำลังเล่นอยู่ ทั้งคนที่อยู่ด้านใน และ คนที่ยิงจากด้านนอก
อิๆ เนี่ยแหละครับ น้ำจะเทลงมาแบนี้ ถ้ามีคนมายืนยิงปืนน้ำ ใส่คนข้างในอยู่ล่ะก็ จะโดนน้ำเทลงมาใส่หัว โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ
เดินถัดมาอีกหน่อยจะเจอโซน Coconut Beach ซึ่งเค้าจำลองให้เป็นเหมือนชายหาด นักท่องเที่ยวมาว่ายน้ำโต้คลื่นกันอยู่บริเวณนี้
สว่นถ้าใครต้องการให้ช่างภาพ Canon ที่ใส่เสื้อสีขาวๆ พร้อมโลโก้ Canon ถ่ายภาพให้ก็เรียกใช้บริการได้ครับ เราแค่เอา Wristband แตะกับเครื่องของช่างภาพ หลังจากนั้นเค้าก็จะถ่ายภาพให้เรา ตามที่เราต้องการ
หลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้ว เราก็เดินไปที่ตู้ Kiosk ซึ่งมีตั้งอยู่ทั่วไปภายในบริเวณสวนน้ำ
เราสามารถเอา Wristband แตะที่เครื่อง หลังจากนั้นเครื่องจะแสดงภาพที่เราถ่ายไปเมื่อสักครู่ เราก็เลือกว่าเราต้องการภาพไหนบ้าง หลังจากนั้นระบบจะส่งข้อมูลไปที่บูธของ Canon ซึ่งตั้งอยู่ตรงบริเวณทางออก คุณสามารถแวะไปรับรูปภาพได้ที่นั่น เค้าให้ฟรี 2 ภาพ แต่ให้เป็นแบบไฟล์ภาพนะครับ ส่วนถ้าจะปริ๊น ก็เสียค่าปริ๊นหรือจะให้ทำเป็นพวกกุญแจก็ได้
ที่เครื่อง Kiosk จะต่อกับอินเตอร์เน็ต เราสามารถเข้า Facebook และ แชร์ภาพที่เพิ่งถ่ายไปขึ้นบน Facebook ได้ทันทีเลยครับ เห็นมั๊ยล่ะว่าไฮโซแค่ไหน สำหรับสวนน้ำที่นี่
สำหรับใครที่เล่นเครื่องเล่นจนเหนื่อยแล้ว อยากจะล่องห่วงยางไปชิลล์ๆ รอบๆ สวนน้ำ ก็มาเล่น Lazy River กันได้ครับ อันนี้ไม่มีอไรมาก แค่นั่งอยู่ในห่วงยาง และ ลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ
หรือถ้าใครต้องการเครื่องดื่มก็แวะมานั่งพักเหนื่อยที่บริเวณ Infinity Pool
มาถึง 2 เครื่องเล่นไฮไลท์สุดท้ายของที่นี่แล้วล่ะครับ
สำหรับเครื่องเล่นนี้จะสามารถเล่นได้ครั้งละไม่เกิน 6 คน
ซึ่งห่วงยางจะขึ้นไปด้านบนโดยใช้เครื่องลากขึ้นเพราะว่าห่วงยางหนักมาก คนยกไม่ไหว
เครื่องเล่นอันนี้ชื่อว่า Abyss เป็นเครื่องเล่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ความรู้สึกจะคล้ายๆ กับการเล่นไวกิ้ง ในช่วงท้าย
เครื่องเล่นนี้ชื่อว่า Boomer Rango เป็นเครื่องเล่นที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย
ความมันส์ของเครื่องนี้ก็ตรงช่วงท้ายสุดของ tube ที่จะถูกดันขึ้นบนผ่านราบเอียง 60 องศา
และมีความสูง 20 เมตร ด้วยความเร็ว 45 กม / ชม.
จบเรื่องเครื่องเล่นแล้ว เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่า หลังจากที่เราซื้อตั๋วเข้าไปในสวนน้ำแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายอะไรที่ต้องใช้บ้างเพื่อที่จะได้ประมาณการคร่าวๆ ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ เพราะอย่างที่บอกครับว่า Wristband ของเราต้องเติมเงินด้วย ถึงจะสามารถใช้จ่ายภายในสวนน้ำได้ เพราะว่าเค้าไม่รับเงินสด
1. ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
2. ค่าตู้ล็อกเกอร์
3. ค่าที่นั่งพัก
Beach Hut : ศาลานั่งพักราคา 600 บาท สำหรับนั่งพักผ่อน หรือ สามารถใช้เก็บของได้ ถ้าใครมากันซัก 4-5 คน แล้วไม่อยากเสียค่าตู้ล็อกเกอร์คนละ 150 บาท ก็สามารถมาเช่า Beach Hut สำหรับเก็บวางของได้นะครับ
หรือหากมากันหลายๆ คนก็เช่าเป็น Cabana หลังใหญ่ราคา 1,000 บาท ต่อวัน หลังนึงก็สามารถนั่งพักผ่อนกันได้ประมาณ 10 คน
สำหรับเก้าอี้พวกนี้นั่งฟรีไม่เสียเงินครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีสัมภาระอะไร หรือ เก็บของไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์เรียบร้อยแล้ว
Fisherman's Cafe เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ภายในสวนน้ำ มีอาหารตามสั่ง สปาเก็ตตี้ และ อื่นๆ
ร้านของทานเล่น ไส้กรอก ป๊อบคอร์น
ร้านนวดภายในสวนน้ำ ด้านข้างเป็น Cabana หลังใหญ่ ถ้าใครเป็นลูกค้าของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ก็สามารถมาใช้บริการ Cabana สำหรับพักผ่อนได้ฟรีครับ แต่ไม่รวบกับส่วนบริการนวดนะครับ
นอกจากนั้นหากใครที่มากันเป็นหมู่คณะก็สามารถเช่าเป็นห้องสันทนาการ ประชุม หรือ สังสรร ร้องคาราโอเกะ กันได้ ตรงบริเวณด้านนอกสวนน้ำ ชั้น 2 ของ The Grove
ชั้นบนมีห้องสันทนาการทั้งหมด 4 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจุคนได้ 10-50 คน แล้วแต่ประเภทของกิจกรรม แต่ถ้าต้องการจะเชื่อมห้องกัน ก็สามารถเปิด partition ให้เชื่อมกันกลายเป็นห้องใหญ่ 2 ห้องได้ และ สามารถจุคนได้ห้องละ 60-100 คน เลยทีเดียวล่ะครับ
ก่อนกลับบ้านอย่าลืมแวะไปเอารูปที่ถ่ายไว้ ที่บูธ Canon นะครับ
คนมารอรูปกันเยอะเลย
ระหว่างรอรูปก็เดินช็อปปิ้ง หาซื้อของฝากของที่ระลึกกันไป
ตุ๊กตาวานา นาวา
ตุ๊กตา 7 เขา ชื่อว่า วานา
ตุ๊กตา 2 เขา ชื่อว่า นาวา
ก่อนเดินทางกลับบ้าน
และเพื่อความเป็นสิริมงคลอย่าลืมแวะกราบไหว้ขอพรจาก The Angel Of Wealth หรือคนไทยเรียกว่า พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งเป็นเทพผู้ปกปักรักษาทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน จัดสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อให้เป็นที่คุ้มครองปกปักรักษาพระราชทรัพย์ของแผ่นดินที่รวมเก็บรักษาไว้ในพระคลังมหาสมบัติให้มีขวัญกำลังใจ ยึดมั่นในความซือสัตย์สุจริต โดยรูปปั้นของเทวรูปพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ มีลักษณะเป็นเทวดาหล่อยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราชสวมมงกุฎยอดชัย พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ขวาทรงดอกบัว เปรียบเสมือนเทวดาปกปักรักษาทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน
พระคลังในพระคลังมหาสมบัติเป็นที่เคารพสักการะบูชา เนื่องด้วยมีความเชื่อต่อๆ กันมาว่าใครที่ได้เคารพบูชาพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ และ บนบานศาลกล่าวทางด้านทรัพย์สินเงินทอง มักจะประสบความสำเร็จเปรียบเสมือนมีพระคลัง คอยปกปักคุ้มครองทรัพย์สมบัติ
ตรงบริเวณด้านข้างพระคลังในพระคลังมหาสมบัติมีดอกไม้ธูปเทียนเตรียมไว้ให้เรียบร้อยครับ
บ๊าย บาย วานา นาวา ไว้โอกาสหน้ามาเยี่ยมใหม่นะครับ
แผนที่ สวนน้ำ วานา นาวา หัวหิน
พิกัด GPS 12.531926,99.961991